ในทรรศนะของข้าพเจ้า










โลกใบนี้  มีฟากอยู่สองฟาก มีด้านอยู่สองด้าน ฟากหนึ่ง คือความงาม อันเป็นด้านสว่าง  ฟากหนึ่ง คือความมืดดำ อันเป็นด้านหม่น สองฟากนี้ อยู่คู่กันเสมอ ในโลกกลมๆใบนี้ แต่  คนเรา  มักจะสร้างภาพลวงตาเข้าหากัน มักจะหยิบยก ความงาม มาอำพรางความืดมน หารู้ไม่ ทุกๆเสียงหัวเราะ ในฟากฝั่งอันโสภา มันยังมีหยดน้ำตา อยู่ในฟากฝั่งอันโสมม พลุแห่งความยินดี มันจะดังซักเพียงใด เสียงลั่นไกใส่ขมับมันก็ดังไมต่างกัน อย่ามัวหลงรสชาติของความหวาน จนกลัวรสชาติของความขม อย่าชินกับความสว่าง จนลืมความมืดเมื่อครั้งดับไฟ ถ้าเราไม่รู้ถึงความมืดว่ามันเป็นเช่นไร เราก็จะไม่มีวันรู้ถึงคุณค่าของแสงสว่าง   

เขียนโดย โคมทอง
12 / 07 / 14  16 : 58 

.................................................................................................................................................................................................




 11/07/14  




























จากข่าวอันน่าสลด กรณี เด็กสาววัยสดใสคนนึง ถูกสัตว์นรกในคราบมนุษย์ขย้ำร่าง ณ.ตู้นอนขบวนรถไฟ เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทุกมุมเมือง ทุกหัวระแหง  เสียงครวญคร่ำของความทุกข์ระทม จากการถูกย่ำยี ดังกังวาลอยู่เสมอ ดังมาโดยตลอด อยู่ในฟากฝั่งอันมืดหม่น ฟากฝั่งที่ไร้ซึ่งการเหลียวแล จากผู้ที่เริงระบำอยู่บนวิมาน วิมานที่ประดับประดาไปด้วยเสียงหัวเราะและแสงไฟ มันดังมานานมากแล้ว ไอ้เสียงร้ำร้องจากความย่อยยับเหล่านี้ มัน-ดัง-มา-นาน-แล้ว นานเหลือเกิน  เพิ่งจะได้ยินกันเหรอ มันช้าไปมั้ย มันนานไปหรือเปล่า กับการปิดเสียงละครประโลมโลก มาเงี้ยหูฟังเสียงสะอื้นของผู้ทุกข์ยากในสังคม แต่ดูเหมือนเหล่าบรรดา เทวดา นางฟ้า ทั้งหลาย จะได้ยินกันช้าไปนะ หากได้ยินกันเร็วกว่านี้ซักนิด เหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นซ้ำซาก เหมือนยาบ้าที่ระบาดในโรงเรียนมัธยม เอาเถอะ วายุแห่งความอาธรครั้งนี้ที่พัดผ่านมา ดูเหมือนจะพอมีแสงสว่าง ส่องผ่านมาหา ผู้ทุกข์ยากบ้างในสังคม แต่ช่างน่าเสียดาย ที่แสงสว่างเหล่านี้ อีกไม่นานก็จะดับแสงมลายหายไป อีกไม่นาน เหล่าบรรดา เทวดา นางฟ้า ทั้งหลาย ก็จะเสด็จกลับคืนสู่สรวงสวรรค์ชั้นฟ้า พร้อมทิ้งขว้างความเวทนา ลงสู่สายธารแห่งความอาจม ผู้ใด ที่ถูกพระเจ้าชิงชัง ถีบหัวส่งให้เกิดมาไร้ปีกโบยบินขึ้นไปสู่แสงสว่าง ผู้นั้น ก็คงจำต้องกระเสือกกระสนอยู่ในโคลนตรม ท่ามกลางฝูงแร้งฝูงกา  ที่คอยจ้องฉีกกระชากร่างกันต่อไป ไม่เป็นไร ในเมื่อเรา หาความจริงใจจากใครหน้าไหนไม่ได้ เราก็จำต้องควานหาหอกใต้โคลน พร้อมเขวี้ยงมันเข้าใส่ฝูงแร้งกาที่บินมารังแกเรา หากเราร่วมกันสำแดงพลัง ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง จงยืนหยัดสู้กับพวกมันผู้ที่คอยข่มเหงเรา และเสียงเพลงที่แหกคอกของข้าพเจ้า จะลั่นฆ้องปลุกพระเจ้าที่หลับไหล ให้ตื่นขึ้นมาฟังเสียงของพวกท่านเอง

เขียนโดย โคมทอง
11 / 07 / 14  15 : 38

.................................................................................................................................................................................................